|
|
|
หัวข้อ :เรื่องราวของกูเกิล [ No. 483 ] |
|
รายละเอียด :
หนังสือกับเงินตรา
เรื่องราวของกูเกิล
โดย ต้นสกุล สุ่ย tonsakul@yahoo.com
เชื่อได้ว่าผู้อ่านหลายคนคงเข้าไปสืบค้นข้อมูลจาก www.Google.com กันบ้าง เพราะอย่างที่ทุกคนทราบเวบกูเกิลนั้น ไม่เพียงเป็นเวบที่รวบรวมเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสาร ตัวบุคคล รวมไปถึงภาพของบุคคลต่างๆ ที่มีชื่อเสียงในระดับโลก
หากเวบกูเกิลยังใช้เป็นสมุดโทรศัพท์ เครื่องคิดเลข ใช้เป็นเครื่องหมายคำพูด พจนานุกรม หาแผนที่ เส้นทางรถ และภาพถ่ายจากดาวเทียม รวมถึงยังใช้ได้เกี่ยวกับการสืบค้นหาหนังสือออนไลน์ ชมการถ่ายทอดข่าว พยากรณ์อากาศ ตรวจดูราคาหุ้น และอื่นๆ อีกมากมาย
ฉะนั้น จึงไม่แปลกเลยว่าทำไมเวบไซต์ของกูเกิล จึงมีผู้นิยมเข้ามาใช้เป็นจำนวนมาก มิหนำซ้ำ ยังประสบความสำเร็จทางธุรกิจด้วย ทั้งๆ ที่เวบไซต์กูเกิลเพิ่งเริ่มก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1988 นี้เอง!
คำถามในคำตอบนี้ หลายคนคงนึกสงสัยเหมือนกันว่าใครเป็นเจ้าของเวบไซต์กูเกิล และเขามีวิธีในการรวบรวมข้อมูลข่าวสารและสาระความรู้อย่างไร ทำไมถึงมีจำนวนมหาศาลเช่นนี้ หลายคนคงอยากทราบอีกว่าเขามีรายได้จำนวนเท่าไร !
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีใครรวบรวมหรือนำเสนอเป็นข่าวเท่าไรนัก เพราะคงจำกัดหรือรับรู้เฉพาะคนที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกัน จนเมื่อ เดวิด เอ.ไวส์ และมาร์ก มัลซีด เขียนหนังสือที่ชื่อเรื่อง The Google Story ขึ้น และมี วิภาดา กิตติโกวิท เป็นผู้แปลในชื่อภาษาไทยคือ เรื่องราวของกูเกิล ความลับอันเป็นปริศนาจึงถูกเปิดเผยขึ้น !
หนังสือเล่มนี้ ไม่เพียงจะเห็นภาพของความเป็นเพื่อนของคน 2 คนคือ เซอร์เกย์ บริน และลาร์รี เพจ นักศึกษาปริญญาเอกทางด้านวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่เป็นผู้ก่อตั้งเวบไซต์กูเกิลขึ้น !
หนังสือเล่มนี้ ยังฉายภาพของการทำงานอย่างหนักของคน 2 คน เพียงเพื่อต้องการพิสูจน์ว่าในสิ่งที่หลายคนเชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เขาสามารถทำให้คนทั้งโลกเชื่อว่ามันเป็นไปได้ และมันเป็นไปได้จริงๆ เสียด้วย
มิหนำซ้ำ ตอนที่เขาทั้ง 2 คน นำกูเกิลเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 19 สิงหาคม ปี ค.ศ.2004 ด้วยการทำไอพีโอ ปรากฏว่าหุ้นของกูเกิลขึ้นไปประมาณ 85 ดอลลาร์ ครั้งนั้นเขาสามารถขายหุ้นได้ทั้งหมดเกือบสองพันล้านเหรียญในการเปิดขายครั้งแรก และภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี หุ้นของกูเกิลก็พุ่งไปถึง 300 ดอลลาร์ จนทำให้ใครหลายคนที่เคยเชื่อว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ถึงวันนี้เขาทั้งคู่สามารถทำให้หุ้นของกูเกิลมีรายได้รวมมากกว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเลย !
นอกจากนั้นในหนังสือเล่มนี้ยังพูดถึง 'บริน' และ 'เพจ' ช่วงหนึ่งว่า...เด็กบ้าสองคนก่อผลสะเทือนอันใหญ่หลวงต่อโลกได้ก็ด้วยอำนาจของอินเทอร์เน็ต อำนาจของการกระจายข่าวสาร และอำนาจของซอฟต์แวร์กับคอมพิวเตอร์
"แล้วยังมีของแบบนี้อยู่ในโลกอีกมากมาย มีโอกาสอยู่มากมายที่คุณสามารถสร้างผลสะเทือนต่อโลก โดยการใช้อำนาจทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พวกคุณทุกคนล้วนมีตำแหน่งแห่งที่เฉพาะตน และคุณก็ควรจะตื่นเต้นกับมัน"
หนังสือเล่มเดียวกันยังมีความตอนหนึ่งที่ 'บริน' พูดเพิ่มเติมว่า...เราใช้เวลาส่วนใหญ่ของเราไปกับการท่องอินเทอร์เน็ต เราเข้าไปคุ้ยมันทุกวัน ผมอยู่จนถึงตีสี่ แล้วตอนเช้าผมก็เข้าไปอีกตั้งแต่เช้า มันเป็นเครื่องมือที่หาค่ามิได้ ตอนนั้นมันเป็นเหมือนเครื่องช่วยหายใจไปแล้ว"
เช่นเดียวกัน เหมือนอย่างครั้งหนึ่งที่ 'บริน' ต้องไปบรรยายให้นักเรียนชั้นมัธยมในประเทศอิสราเอลฟัง เขาได้บอกให้นักเรียนเหล่านั้นทราบถึงชีวิตในวัยเด็กของเขาว่า...
"ผมอพยพออกจากรัสเซียเมื่ออายุหกขวบ ผมไปที่สหรัฐอเมริกา คล้ายๆ กับพวกเราที่มาที่นี่ ผมมีพ่อแม่ที่เป็นชาวรัสเซีย เชื้อสายยิว พ่อของผมเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ พ่อแม่มีทัศนคติที่แน่นอนเกี่ยวกับการศึกษา ซึ่งผมคิดว่าจะเล่าให้ฟังได้ เพราะผมรู้มาว่าโรงเรียนของพวกคุณกวาดรางวัลมากถึงเจ็ดในสิบของการแข่งขันทางคณิตศาสตร์ทั่วประเทศอิสราเอล"
"ตอนที่ผมโตขึ้นมา ไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้หรือมีก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เป็นในปัจจุบัน คือในรูปแบบของเวิลด์ไวด์เวบและเดี๋ยวนี้โลกเปลี่ยนไปมาก เพราะพวกคุณทุกคนมีอำนาจที่จะได้มาซึ่งข้อมูลจากทั่วทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร และนี่คือสิ่งที่แตกต่างอย่างมากๆ จากสมัยที่ผมเป็นนักเรียน"
"เพราะฉะนั้น พวกคุณมีอำนาจมากมายที่คนยุคเราไม่มี ผมคิดว่านั่นน่าจะช่วยให้พวกคุณประสบผลสำเร็จในชีวิตได้เร็วขึ้น และจะบรรลุความสำเร็จในชีวิตมากกว่าผม"
กล่าวกันว่า เหตุที่ 'บริน' พยายามพูดเรื่องราวเหล่านี้ให้นักเรียนฟังก็เพื่อต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนเหล่านั้น เพราะชีวิตในวัยเด็กของเขาค่อนข้างขาดในเรื่องเหล่านี้อยู่มาก
เขาทั้งคู่มองว่าความสำเร็จของกูเกิล จริงๆ แล้วไม่มีอะไรมาก ก็แค่พยายามทำให้เวบนี้ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยมากที่สุด ที่ไม่เพียงจะมีเรื่องขององค์ความรู้ มีเรื่องทุกเรื่อง ที่นิสิต นักศึกษา อยากเรียนรู้ให้มากที่สุด เหตุนี้เองจึงทำให้ยุคแรกของกูเกิล เขาทั้งคู่พยายามอย่างมากที่จะดาวน์โหลดองค์ความรู้จากคณะต่างๆ เข้ามาใส่ในเวบ
ขณะเดียวกัน เขาทั้งคู่ก็ช่วยกันดาวน์โหลดข่าวสาร ความรู้จากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาใส่ในเวบเช่นกัน และผลเช่นนี้เอง จึงทำให้บริษัทต่างๆ ต่างเล็งเห็นประโยชน์ที่จะได้จากการลงโฆษณากับกูเกิล เพราะเขารู้แล้วว่าการลงโฆษณากับกูเกิลไม่เพียงจะได้ประโยชน์เต็มๆ หากยังเสมือนเป็นผู้สนับสนุนองค์ความรู้ต่างๆ ให้ขจรขจายออกไปด้วย
หนังสือเล่มนี้น่าสนใจมากครับ น่าสนใจทั้งเนื้อหา วิธีคิด และการก่อร่างสร้างตัวของ 'บริน' และ 'เพจ' ที่มีความเชื่อแค่ว่า...ใครว่าสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ แต่ผมจะทำให้เป็นจริงให้ได้ และมันก็เป็นจริงแล้วในวันนี้? ๐
ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com/jud/wan/20060902/news.php?news=column_21523789.html
_________________
If a fool would persist in his folly, he would become wise.
- WILLIAM BLAKE, English artist and poet (1757 - 1827)
By :
( IP : ...xxx )
(Read 445 | Answer 0 2008-03-30 13:44:41 )
|
|
|
|
|
|
|
|
|