คลิกเลือกไปหน้าแรก
ชาวสวน'92เข้าสูระบบ
คลิกดูกำหนดการได้ที่วันที่ในปฏิทิน
ธันวาคม - 2567
พฤ
อา
25
26
27
28
29
30
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
1
2
3
4
5
 

@คณะกรรมการชมรม
@ตัวแทน/ผู้ประสานงาน
@วิสัยทัศน์ ค่านิยม ยุทธศาสตร์
@ระเบียบการบริหารงาน
@ระเบียบว่าด้วยเงิน
@รักรุ่นจริงไม่ทิ้งกัน
@บัญชีสถานะการเงิน
@เพลงสวน

คลิกเพื่อเลือกชมและบันทึกข้อความ
คลิกเพื่อดูหรือ post ข่าว
 คลิกเพื่อดูหรือ post จดหมายเวียน
คลิกเพื่อดูหรือ post กำหนดการทำบุญบริจาคโลหิต
คลิกเพื่อดูหรือ post เข้าบอร์ดเพื่อนช่วยเพื่อน
คลิกเพื่อดูหรือ post รายละเอียดธุรกิจของเพื่อน
คลิกเพื่อดูหรือ post คลิปโดนๆของชาวสวน 96
คลิกเพื่อดูหรือ post ภาพกิจกรรมของชาวสวน 96
คลิกเพื่อฝากข่าวสารถึงท่านประธาน
คลิกเพื่อฝากข่าวสารถึง webmaster
คลิกเพื่อดูหรือ postข่าวสารทางวิชาการจากสวน 96
คลิกเพื่อดูหรือ postคำคม,ปรัชญาชีวิต
คลิกเพื่อดูหรือ postเรื่องซุบซิบนินทา
คลิกเพื่อดูหรือ postเรื่องของครอบครัวสวน  96
คลิกเพื่อดูหรือ postเรื่องสันทนาการ

  คลิกเพื่อลิ้งค์ไปสู่หน้าเวปสวนกุหลาบ
  คลิกเพื่อลิ้งค์ไปสู่หน้าเวป OSKNETWORK


หัวข้อ :" อยากรวย....มาทางนี้ "   [ No. 500 ]  
รายละเอียด :
พอได้ยินคำว่า เศรษฐี ไม่ว่าใคร จะเป็นเด็กที่พอรู้ความ ผู้ใหญ่ คนแก่ คน เ ฒ่า ทั้งหญิง ทั้งชาย ต่างก็ชอบที่จะได้ฟัง
ปรารถนาจะเป็นด้วยกันทุกคน เพราะคนที่เป็นเศรษฐี ก็หมายถึงคนที่มีเงินมีทองมาก ร่ำรวย เพียบพร้อมด้วย สมบัติต่างทรัพย์สิน
เช่น มีรถงาม ๆ คันโต ๆ บ้านใหญ่ ๆ สวย ๆ มีที่ดินมากมาย ตลอดจนมีเครื่องใช้ไม้สอย เครื่องประดับตกแต่ง
แต่ละอย่างล้วนแต่ดี ๆ มีค่ามากทั้งนั้น ดูราวกับว่า ถ้าต้องการอะไร คนที่เป็นเศรษฐีหรือคนที่ร่ำรวยเงินทอง
แทบจะบันดาลให้เป็นไปได้ทั้งนั้น ฉะนั้นคนส่วนใหญ่ จึงปรารถนาจะ ้เป็นด้วยกันทั้งนั้น แต่จะทำอย่างไรจึงจะได้เป็นเศรษฐี

ข้อนี้ยังเป็นปัญหา ข้าพเจ้าแม้จะไม่เคยเป็นเศรษฐีจริง ๆ แต่ก็เคยได้เห็นเคยได้ยิน หรือได้คุยกับคนที่ เขาเป็นเศรษฐีมาแล้วหลายคน
ปรากฎว่าคนที่จะเป็นเศรษฐีได้จริง ๆ และมีความสุขดีด้วย จำเป็นต้องมีคาถาดีหรือเรียกว่ามีคุณธรรมดีอย่างน้อย 4 ข้อ หรือที่เรียกกันว่า
"หัวใจเศรษฐี"ด้วยกันทุกคน ถ้าขาดคุณธรรม 4 ข้อนี้ จะเป็นเศรษฐีที่ดีมั่นคงถาวรและมีความสุขอย่างแท้จริงได้ยาก

คาถาหัวใจเศรษฐีนี้ บรรดาเศรษฐีเขาถือกันว่าเป็นหัวใจที่จะต้องหมั่นท่องเป็นประจำไม่ขาดแม้แต่วันเดียว
คาถามีแค่ 4 ตัว จำง่าย ใครที่อยากเป็นเศรษฐีหรือสนใจอยากจะจดจำไปใช้ท่องบ้างก็ไม่ขัดข้อง
ไม่สงวนลิขสิทธิ์แต่อย่างใด คาถาบทนี้เป็นคาถาเก่าแก่ที่ท่านใช้กันมาแต่โบราณ คาถามีอยู่ว่า "อุ อา กะ สะ"

ถ้าใครอยากเป็นเศรษฐีที่เพียบพร้อมด้วยความสุข ต้องหมั่นท่องทุกวันอย่าให้ขาด ไม่ว่าจะทำอะไรหรือกิจการใด
ถ้านึกขึ้นได้ก็ให้รีบท่องไว้ ยิ่งท่องไว้ได้เป็นประจำ ก็จะทำให้เป็นเศรษฐีได้เร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น
ที่สำคัญถ้าต้องการให้ได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ละก็ ต้องทำตามคาถาที่ท่องนั้นด้วย
คาถาทั้ง 4 ตัวนั้น

ย่อมาจากคำสี่คำ ดังนี้

คำว่า "อุ" ย่อมาจากคำว่า "อุฎฐานสัมปทา" ซึ่งแปลว่า "ความถึงพร้อมด้วยความขยันหมั่นเพียร
หมายถึง ถ้าอยากเป็นเศรษฐี ก่อนอื่นต้องมีความขยันหมั่นเพียร เริ่มตั้งแต่ต้องขยันหมั่นเพียรในการแดงหาความรู้ วิชาการต่าง ๆ
ตลอดจนการเรียนรู้วิชาชีพ ขยันหมั่นเพียรในหน้าที่การงานที่รับผิดชอบหรือที่ได้รับมอบหมายให้กระทำโดยไม่บกพร่อง
และพยายามแก้ไขการงานที่ได้รับมอบหมายหรือที่กระทำอยู่ให้ดียิ่งขึ้นอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้การงานมีประสิทธิภาพ
และได้ผลดีที่สุด ต้องขยันทำมาหากิน โดยไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคที่ต้องเผชิญหน้า ตลอดจนต้องคอยศึกษาหาความรู้สำหรับใช้รักษาตัวเองและครอบครัวมิให้เกิดการเจ็บป่วยด้วย

คำว่า "อา" ย่อมาจากคำว่า "อารักขสัมปทา" ซึ่งแปลว่า ความถึงพร้อมด้วยการความหมั่นรักษา หมายถึง เมื่อได้รับมอบหมายการงานอะไรให้กระทำ
หรือเมื่อได้ดำเนินกิจการงานอะไร ไม่ว่าจะเป็นของตนหรือของคนอื่นก็ดี ต้องเป็นคนมีความรับผิดชอบในการงานหรือกิจการนั้น ๆ
มิให้บกพร่องต่อหน้าที่ อะไรที่ยังทำไม่ดีก็พยายามทำให้ดี อะไรที่ต้องแก้ไขปรับปรุงให้ดี เครื่องมือเครื่องใช้ในการทำงานต้องหมั่นดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ตลอดเวลาโดยไม่ปล่อยปะละเลย
เช่น มีอะไรชำรุดเสียหายก็แก้ไขให้ดี ตลอดไปจนถึงต้องรู้จักรักษาทรัพย์สินเงินทองที่เกิดจากการปฏบัติงาน
เกิดจากการทำมาหากินหรือที่รับผิดชอบอยู่มิให้สูญเสียหรือใช้ไปให้สิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ หรือปราศจากเหตุผลอันสมควร
หน้าที่การงานที่กระทำอยู่หรือกิจการส่วนตัวที่ดำเนินอยู่ก็อย่าให้ต้องหลุดมือไปง่าย ๆ เพราะการงานที่ทำแต่ละอย่างไม่ใช่จะหาได้ง่ายนัก
ฉะนั้น เมื่อได้การงานใด ๆ แล้ว ก็อย่าทำให้งานที่ทำนั้นต้องหลุดไป นอกจากกรณีที่เราได้งานหรือกิจการใหม่ที่เราพิจารณาเห็นชัดแล้วว่าจะต้องทำให้เราดีกว่าเดิมได้
จึงค่อยพิจารณาเปลี่ยนแปลง ถ้าการงานหรือกิจการที่ดำเนินการอยู่ดีอยู่แล้ว ต้องพยายามรักษาให้ดีที่สุด และต้องพยายามปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ
และประการสำคัญไม่ว่าจะทำงานกับใครที่ไหนก็ตามต้องถือว่างานนั้นเป็นงานของเราเอง เพราะถ้ากิจการของเขาเจริญขึ้น
เราก็จะพลอยได้ผลประโยชน์ไปด้วย ถ้ากิจการของเขาเลวลง เราก็จะต้องพลอยลำบากไปด้วย

คำว่า "ก" ย่อมาจากคำว่า "กัลยาณมิตตตา" ซึ่งแปลว่า ความเป็นผู้มีกัลยาณมิตรเป็นมิตร หมายความว่า
ต้องรู้จักคบมิตรที่ดี มิตรแท้ ที่จะเป็นกัลยาณมิตรหรือเป็นมิตรที่จะพาเราหรือสนับสนุนเราไปสู่ความเจริญก้าวหน้า
และมีความสุขสมหวังในชีวิตได้ มิตรดีหรือมิตรแท้นี้ท่านแบ่งไว้ 4 จำพวก คือ มิตรอุปการะพวกหนึ่ง
เป็นผู้ที่สามารถจะช่วยเหลือเกื้อกูลเราได้ในยามที่เราเดือดร้อนจำเป็นในด้านทรัพย์สินเงินทองหรือในยามที่
เรามีภัยเดือดร้อน เพราะความประมาทของเรา พวกหนึ่งคือมิตร่วมทุกข์ร่วมสุข ร่วมเป็นร่วมตายที่จะอยู่เคียงข้างเรา
เป็นเพื่อนปรับทุกข์กันได้ในยามที่เราถึงความวิบัติเพราะความเลินเล่อเผลอตัวหรือมีภัย พวกหนึ่ง คือ มิตรแนะประโยชน์
มิตรชนิดนี้ท่านหมายถึง ครูบาอาจารย์ผู้มีวิชาการ มีความชำนาญดี ตลอดจนถึงผู้ใหญ่ ผู้บังคับบัญชาที่ดี
ที่จะเป็นผู้คอยห้ามปรามเราในเวลาที่เราเกิดความประมาทกระทำความชั่ว คอยแนะนำให้ตั้งอยู่ในความดี
คอยแนะนำสั่งสอนวิชาการที่มีประโยชน์แก่การทำงาน และการดำรงชีวิตที่ถูกต้อง ตลอดจนคอยเมตตา
ให้กำลังใจแก่เราในยามที่เราพลาดหวัง ล้มเหลว หรือ เกิดความท้อถอยขณะในขณะปฏิบัติงาน

มิตรแท้พวกสุดท้ายได้แก่มิตรมีความรักใคร่ เป็นแรงสนับสนุนให้เราสามารถมีกำลังใจต่อสู้อุปสรรคที่เกิดขึ้นโดยไม่ท้อถอย

มิตรทั้ง 4 ชนิดนี้ควรคบไว้ และควรสร้างให้มีขึ้นแก่เราตลอดชีวิต นอกจากเราจะต้องเลือกคบมิตรที่ดี
มิตรแท้ไว้แล้ว เราต้องเว้นหรือว่าต้องห่างไกลจากมิตรเทียมหรือมิตรชั่วอีก 4 จำพวกด้วยกัน

มิตรเทียมเหล่านี้ได้แก่ มิตรปอกลอก ที่หวังคบเราเพื่อประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว โดยมิได้ให้ประโยชน์อะไรเลย

หรือให้แต่น้อยหวังเอาแต่มากพวกหนึ่ง พวกหนึ่งได้แก่มิตรดีแต่พูด คือพวกที่ชอบเอาแต่เรื่องไร้สาระหารประโยชน์ไม่ได้มาพูด
หรือเอาสิ่งที่หาประโยชน์จริง ๆไม่ได้มาให้เวลาเราออกปากจริง ๆ ก็พึ่งอะไรไม่ได้เลย

อีกพวกหนึ่ง ก็เป็นพวกหัวประจบที่เวลาเราทำอะไรก็คล้อยตาม เช่น ทำดีก็คล้อยตาม ไม่ห้ามปราม ต่อหน้าก็ทำสรรเสริญเราดี แต่ลับหลังกัลบนินทาเป็นไฟ

มิตรเทียมพวกสุดท้าย พวกนี้ร้ายที่สุด เพราะเป็นประเภทที่ชอบชักชวนเราไปในทางที่ฉิบหายไม่เกิดประโยชน์
เช่นพวกที่ชักชวนไปกินเหล้าเมายา เที่ยวกลางคืน เล่นการพนัน ตลอดจนพาไปหาสิ่งเสพติดให้โทษต่าง ๆ เช่น
ฝิ่น กัญชาฮโรอีน เป็นต้น บุคคลจำพวกหลังนี้ ผู้ที่อยากเป็นเศรษฐีต้องพยายามอย่างไปข้องแวะด้วย คำสุดท้ายว่า "ส" ย่อมาจากคำว่า "สมชีวิตา"
แปลว่า ความเป็นผู้มีความเป็นอยู่เหมาะสมหรือสมควรแก่ฐานะ หมายถึง เมื่อเราแสวงหาทรัพย์มาได้แล้ว ก็ต้องรู้จักใช้จ่าย
ใช้สอยให้เหมาะสมแก่ความเป็นอยู่ ไม่ให้ฟุ่มเฟือยหรือฝืดเคืองจนเกินไปนัก เช่น เรามีรายได้เดือนหนึ่ง 10,000 บาท
ก็ต้องพยายามใช้จ่ายให้เหมาะสมกับผู้มีเงินเดือนหรือรายได้ 10,000 บาท ไม่ใช่ใช้จ่ายจนเกินเดือนละ 10,000 บาท
อันเป็นการเกินฐานะของตนหรือประหยัดการใช้จ่ายอย่างมาก คือใช้จ่ายเป็นอยู่อย่างฝืดเคือง
คือใช้จ่ายเป็นอยู่อย่างฝืดเคือง คือใช้จ่ายเพียงเดือนละ 200 - 300 บาท ทั้ง ๆ ที่มีรายได้ถึง 10,000 บาท
ซึ่งเป็นการไม่สมควรแก่ฐานะและความเป็นอยู่ เป็นต้น

เพราะฉะนั้น ถ้าใครปรารถนาจะเป็นเศรษฐี คนร่ำรวยที่ประกอบด้วยความสุขในภายภาคหน้าหรือในอนาคต
ก็ต้องพยายามท่องคาถาทั้ง 4 ตัวนี้ คือ อุ อา กะ สะ ไว้ให้ขึ้นใจเสียแต่วันนี้ และต้องหมั่นท่องไว้อยู่เสมอมิได้ขาด
รับรองว่าจะสามารถเป็นเศรษฐีได้ในเวลาไม่ช้านัก และค่อนข้างแน่นอน ข้อสำคัญต้องถือหลักสี่ประการนี้ไว้ให้มั่น คือ

ประการแรก ต้องเป็นคนหมั่นขยันในการแสวงหาความรู้ วิชาการต่าง ๆ ตลอดจนวิชาชีพที่ตนต้องการให้รู้จริงและชำนาญที่สุด
ต้องขยันทำงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย รับผิดชอบ ต้องขยันทำมาหากิน และต้องรู้จักศึกษาและแสวงหาความรู้ไว้สำหรับรักษาตัวเพื่อป้องกันตนเองและครอบครัว

ประการที่สอง ต้องรู้จักรักษาทรัพย์สินที่หามาได้ ตลอดรักษาวิชาความรู้ที่เล่าเรียนมา อย่าให้สูญเสียไป และพยายามเพิ่มพูนอยู่เสมอ

ประการที่สาม ต้องรู้จักคบมิตรที่ดี มิตรที่มีความรักใคร่ แนะนำแต่สิ่งที่มีประโยชน์แก่เรา ตลอดจนเป็นผู้สามารถร่วมสุข
ป้องกันช่วยเหลือเราได้ในยามที่มีภัย หรือต้องเดือดร้อนเพราะความวิบัติ หรือเพราะความประมาท
และควรเว้นจากมิตรไม่ดี 4 จำพวก คือ
คนปอกลอกคิดเอาแต่ได้จำพวกหนึ่ง
พวกดีแต่พูดเรื่องไร้สาระหาประโยชน์มิได้
เวลาออกปากก็พึ่งอะไรไม่ได้พวกหนึ่ง
พวกหัวประจบ ทำดีทำชั่วก็คล้อยตาม ไม่ห้ามปราม ซ้ำต่อหน้าสรรเสริญ
ลับหลังยังนินทาหัวเราซะอีก
พวกสุดท้าย คือพวกที่ชอบชักชวนเราไปในทางฉิบหาย

ประการที่สี่ ต้องรู้จักใช้สอยหรือดำรงชีวิตให้เหมาะแก่ฐานะความเป็นอยู่และรายได้ที่ได้รับไม่ให้ฟุ่มเฟือย
ทิ้ง ๆ ขว้างๆ สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ หรืออยู่อย่างฝืดเคือง ทำตัวลำบาก
พร้อมกันนี้
ทุกวันก่อนนอนควรสำรวจว่า ได้ทำครบ 4 อย่างหรือยัง ถ้ายังทำไม่ครบก็ต้องรีบพยายาทำให้ครบ แค่นี้เท่านั้น ท่านก็จะมีโอกาสเป็นเศรษฐีสมใจ

ให้ระวังจิต...เพราะมันจะนำไปสู่ความคิด
ให้ระวังความคิด...เพราะมันจะนำไปสู่คำพูด
ให้ระวังคำพูด...เพราะมันจะนำไปสู่การกระทำ
ให้ระวังการกระทำ...เพราะมันจะนำไปสู่นิสัย

? เราจะพยายามมีสติคิดดี เพื่อที่จะได้พูดดี และทำดี จนเป็นนิสัย ?

http://www.thai60.com

By : วรากร   ( IP : 203.113.35.xxx ) (Read 693 | Answer 0 2007-03-16 21:36:02 )
 

จำนวนผู้เข้าชมเว็บทั้งหมด 230592 คน

ชมรมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่นที่ 96 100/397-398 หมู่บ้านมณียา ถ.รัตนาธิเบศธ์ ซ.ท่าอิฐ ต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
ติดต่อท่านประธาน > kematat.p@hotmail.com ติดต่อเว็บมาสเตอร์ >webmaster.osk@gmail.com
Produced By Permpoon C. and Powered by: StartUp Design and Network Co.,Ltd.